"เกาะเกร็ด" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในจังหวัดนนทบุรี รู้จักกันดีในฐานะแหล่งชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และประเพณีวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการจุดลูกหนู งานตักบาตรทางน้ำ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลายปีให้หลังมานี่ การท่องเที่ยวเกาะเกร็ดดูเหมือนจะเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปกติถ้าไปเที่ยวในวันเสาร์ – อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ บนเกาะจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ร้านค้า ร้านอาหารก็ดูจะคึกคักสุดๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวบนเกาะเกร็ด ก็จะมีทั้งมาเดินเที่ยว ช้อปปิ้ง หาของอร่อยๆ กิน บ้างก็เลือกนั่งเรือชมรอบเกาะ ทำเอาเพลิดเพลินใจไปอีกแบบ ทั้งนี้ เกาะเกร็ดจะเปิดเวลาประมาณ 9.00 - 17.30 น. แต่ก่อนจะไปเที่ยว เรามาทำความรู้จักกับ "เกาะเกร็ด" กันให้มากขึ้นกว่านี้หน่อยดีกว่า... เกาะเกร็ด เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า "คลองลัดเกร็ดน้อย" ในจังหวัดนนทบุรี (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้น เซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ ชื่อเดิมเรียกว่า "เกาะศาลากุน" "เกาะเกร็ด" มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้จากวัดวาอารามต่างๆ บนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยศรีอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยา หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ โดยชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้น มีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้ว "เกาะศาลากุน" จึงมีฐานะเป็นตำบล และเรียกว่า ตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงมีชื่อว่า "เกาะเกร็ด"
สัญลักษณ์ ของเกาะเกร็ดไปแล้ว นั่นคือ "วัดปรมัยยิกาวาส" (วัดปากอ่าว) ในวัดนี้มีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายอย่าง ที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอด ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม (โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาส ตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนพระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้นพระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริ่มการสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบัน ที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษาพระไตรปิฏกภาษามอญไว้ พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นพระปางมารวิชัย ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช รัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องว่าพระประธานองค์นี้งามด้วยฝีพระพักตร์ดูมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริง ด้านหลังพระอุโบสถ มีพระมหารามัญเจดีย์ จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของพม่า
วัดเสาธงทอง
"วัดเสาธงทอง" เป็นวัดเก่า เดิมชื่อ "วัดสวนหมาก" นอกจากเป็นที่ตั้งโรงเรียนประถมแห่งแรกของอำเภอปากเกร็ดแล้ว ด้านหลังโบสถ์ยังประดิษฐานเจดีย์ที่สูงที่สุดของอำเภอปากเกร็ดด้วย พระเจดีย์เป็นศิลปะอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง มีเจดีย์องค์เล็กเป็นบริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ส่วนด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงลังกา อีกองค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงมะเฟือง ภายในโบสถ์มีลายเพดานสวยงามมาก เขียนลายทองกรวยเชิงอย่างงดงาม พระประธานเป็นพระปางมารวิชัยปูนปั้นขนาดใหญ่ คนมอญเรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะอาล๊าต” หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์ รูปทรงคล้ายมะเฟือง ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง ประดับลายปูนปั้น "วัดไผ่ล้อม" สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีโบสถ์ที่งดงามมาก ลายหน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน คนมอญเรียกวัดนี้ว่า "เพี๊ยะโต้" "วัดฉิมพลีสุทธาวาส" มีโบสถ์ขนาดเล็กงดงามมาก และยังมีสภาพสมบูรณ์แบบดั้งเดิม หน้าบันจำหลักไม้เป็นรูปเทพทรงราชรถ ล้อมรอบด้วยลายดอกไม้ ซุ้มประตูเป็นทรงมณฑป ซุ้มหน้าต่างแบบหน้านาง ยังคงเห็นความงามอยู่ และฐานโบสถ์โค้งแบบเรือสำเภา
"กวานอาม่าน" พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา เป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ การปั้นเครื่องปั้นดินเผานั้นเป็นอาชีพชาวมอญมาตั้งแต่ครั้งตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำอิรวดี และมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี นับเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ลวดลายประณีตสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และยังเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดนนทบุรี สองข้างทางเดินบนเกาะมีบางบ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระถาง ครก โอ่งน้ำ ฯลฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวล
ส่วนใครที่ไปเกาะเกร็ดแล้วไม่ได้รับประทาน "ทอดมันหน่อกะลา" ก็เหมือนไปไม่ถึง เพราะ "ทอดมันหน่อกะลา" ถือเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เลยก็ว่าได้ แถมยังมีให้เลือกซื้อเลือกชิมหลายร้าน ทั้งเจ้าเก่าเจ้าใหม่ เรื่องของรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่า อร่อยไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ตามร้านค้าสองข้างทางยังมีอาหารอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น รวมถึงของคาวอย่าง ห่อหมกปลาช่อน ห่อหมกปลากราย ไข่ปลาทอด ผักทอด พร้อมร้านขายน้ำเก๋ๆ ที่ขายน้ำพร้อมแก้วน้ำกระถาง ปั้นโดยฝีมือคนท้องถิ่นนั่นเอง และที่ขาดไม่ได้เลย คือ ร้ายจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผา โอ่ง กระถาง เซรามิกรูปร่างต่างๆ ก็มีให้เลือกซื้อเลือกชมกันอย่างละลานตา.
"คลองขนมหวาน" บริเวณคลองขนมหวานและคลองอื่นๆ รอบเกาะเกร็ด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งคลองจะทำขนมหวาน จำพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมหวานอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมสาธิตวิธีการทำให้นักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แรงดึงดูดอย่างหนึ่งบนเกาะเกร็ดที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยว เดินทางมาเที่ยวที่นี่ คงหนีไม่พ้นเรื่องของอาหารการกินที่ดูจะหลากหลายมากมายกันจนลายตา (แหม... เห็นแล้วมันน่าหม่ำนักล่ะ) ไม่ว่าจะเป็น "ข้าวแช่" อาหารของชาวมอญ ที่สืบทอดสูตรกันมายาวนาน รับประทานพร้อมเครื่องเคียงครบรสที่มีให้เลือกเพียบ คือ ลูกกะปิทอด, หมูกับปลาเค็มปั้นทอด, ไชโป๊หวาน, ปลาหวาน, พริกหยวกสอดไส้, หัวหอมทอดสอดไส้ และผักชนิดต่างๆ
ส่วนใครที่ไปเกาะเกร็ดแล้วไม่ได้รับประทาน "ทอดมันหน่อกะลา" ก็เหมือนไปไม่ถึง เพราะ "ทอดมันหน่อกะลา" ถือเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เลยก็ว่าได้ แถมยังมีให้เลือกซื้อเลือกชิมหลายร้าน ทั้งเจ้าเก่าเจ้าใหม่ เรื่องของรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่า อร่อยไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ตามร้านค้าสองข้างทางยังมีอาหารอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น รวมถึงของคาวอย่าง ห่อหมกปลาช่อน ห่อหมกปลากราย ไข่ปลาทอด ผักทอด พร้อมร้านขายน้ำเก๋ๆ ที่ขายน้ำพร้อมแก้วน้ำกระถาง ปั้นโดยฝีมือคนท้องถิ่นนั่นเอง และที่ขาดไม่ได้เลย คือ ร้ายจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผา โอ่ง กระถาง เซรามิกรูปร่างต่างๆ ก็มีให้เลือกซื้อเลือกชมกันอย่างละลานตา.
การเดินทาง
รถยนต์ เดินทางโดยรถยนต์มาที่ห้าแยกปากเกร็ด ตรงไปตามถนนแจ้งวัฒนะ ทางไปเทศบาลปากเกร็ด จากห้าแยกประมาณ 20 เมตร ก่อนถึงโรงหนังเมเจอร์ฮอลลีวู้ด เลี้ยวซ้ายเข้าถนนภูมิเวท ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงวัดสนามเหนือจอดรถทิ้งไว้ที่วัด แล้วนั่งเรือข้ามไปเกาะเกร็ด ไปขึ้นเกาะเกร็ดที่วัดปรมัยยิกาวาส หรือไปที่วัดกลางเกร็ด นั่งเรือข้ามฟากไปขึ้นเกาะเกร็ดที่วัดป่าฝ้าย (เรือข้ามฟากบริการเวลา 05.00 - 21.30 น. ค่าโดยสารคนละ 2 บาท ที่วัดสนามเหนือ มีบริการจัดที่จอดรถรถยนต์สำหรับนักท่องเที่ยว ค่าจอดรถคันละ 30 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถประจำทาง ให้ลงรถที่ป้ายโรงหนังเมเจอร์ฮอลลีวูด แล้วนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปที่ท่าเรือวัดสนามเหนือหรือวัดกลางเกร็ด ค่าโดยสารประมาณ 10 บาท
เรือ เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเรือด่วนเจ้าพระยาออกจากท่าวัดสิงขร ลงที่ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี ค่าโดยสารคนละ 22 บาท (เรือทัวร์) จากนั้นเช่าเหมาเรือหางยาวที่ท่าน้ำนนทบุรี ไปที่เกาะเกร็ด หรือนั่งเรือรถประจำทางจากท่านน้ำนนทบุรีไปที่อำเภอปากเกร็ด แล้วลงเรือที่วัดสนามเหนือหรือวัดกลาง เรือบริการระหว่างเวลา 08.30 - 18.30 น.
วิภาวี นานายน
วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553
บทที่ 7 ตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยว
ความเป็นมาในอดีตผู้ต้องการเดิรทางท่องเที่ยวจะต้องติดต่อซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยวโดยตรง ต่อมาจึงเกิดธุรกิจค้าปลีกที่อำนวยความสะดวกในการซื้อขึ้น โดย โทมัส คุก ได้เป็นแทรเวล เอเจนซี่ ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ ประเทศอังกฤษ จึงทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยวโดยไม่ต้องเดินทางไปซื้อยังผู้ประกอบธุรกิจบทบาทหน้าที่ของแทรเวล เอเจนซี่1.จัดหาราคาหรืออัตราสินค้าทางการท่องเที่ยว2. ทำการจอง3. รับชำระเงิน4. ทำการส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง5. ช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ6. ช่วยดำเนินการในการซื้อบัตรโดยสาร7. ออกบัตรโดยสารเครื่องบินและเอกสารอื่นๆประโยชน์ของการใช้บริการของแทรเวล เอเจนซี่1. มีความชำนาญในการหาข้อมูลและวางแผนการท่องเที่ยว2. สามารถหาข้อเสนอหรือราคาที่ดีที่สุด3. ช่วยประหยัดเวลาและความลำบาก4. ช่วยแก้ปัญหาได้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหา5. รู้จักผู้ประกอบธุรกิจมากกว่า6. รู้จักแหล่งท่องเที่ยวดีกว่าประเภทของแทรเวล เอเจนซี่1. แบบที่มีมาแต่เดิม ประเภทนี้ มักจะขายผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายเต็มรูปแบบ2.แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ต เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา บางครั้งอาจให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ จุดเด่น คือ สามารถขายไปยังที่ต่างๆทั่วโลก3. แบบที่ชำนาญเฉพาะทาง อาจทำธุรกิจได้ดีขึ้นหากขายไปยังกลุ่มตลาดลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะทาง4. แบบที่ประกอบธุรกิจจากที่พัก อาจปรับเปลี่ยนบ้านหีือที่พักเป็นสำนักงาน ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสำนักงานประโยชน์ของการใช้บริการของบริษัททัวร์1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย2. ประยัดค่าใช้จ่าย3. ได้ความรู้4. ได้เพื่อนใหม่5. ได้ความสบายใจและรู้สึกปลอดภัย6.ไม่มีทางเลือกอื่นประเภทของทัวร์ มี 3 ประเภท1. ทัวร์แบบอิสระ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยที่พักในโรงแรม บัตรโดยสารเครื่องบิน ทัวร์แบบอิสระจะทำให้นักท่องเที่ยวมีเสรีที่จะวางแผนกิจกรรมต่างๆได้เอง2. ทัวร์แบบไม่มีผู้นำเที่ยว หมายถึง โปรแกรมทัวร์แบบเหมาจ่ายที่ได้รับการบริการจากตัวเเทนของบริษัททัวร์ ณ แหล่งท่องเที่ยว3. ทัวร์แบบมีผู้นำเที่ยว หมายถึง โปรแกรมทัวร์แบบเหมาจ่ายที่รวมการบริการของมัคคุเทศก์ตลอดเส้นทาง ทัวร์ประเภทนี้นักท่องเที่ยวจะเดินทางเป็นกลุ่มโดยมีมัคคุเทศก์ร่วมเดินทางไปด้วย
บทที่ 6 ที่พักแรม
ความเป็นมาธุรกิจที่พักแรมในสากล/ต่างประเทศที่พักแรมมีมาแต่ยุคโบราณ ย้อนหลังไปถึงยุคอารยธรรมกรีกและโรมัน เกิดขึ้นสนองความต้องการที่พักของนักเดินทางที่ไม่สามารถไปกลับได้ในวันเดียวธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทยธุรกิจที่พักแรมสำหรับบริการนักเดินทางต่างชาติในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอยุ่บริเวณริมฝั่นแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชาวตะวันตกเข้ามาจำนวนมากปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรม1. ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้พัก2. ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก อาการ-เครื่องดื่ม และบริการที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจการที่เสนอบริการในระดับมาตรฐานที่ดีขึ้นจะคำนึงถึงปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ได้แก่2.1 ความสะดวกสบายจากบริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและสนองตอบความต้องการของผู้พักกลุ่มต่างๆ2.2 ความเป็นส่วนตัว2.3 บรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม2.4 ภาพลักษณ์ของกิจการ และอื่นๆประเภทที่พักแรม1. โรแรม เป็นที่พักแรมที่นิยมมากของนักท่องเที่ยวทั่วไป"โรงแรม" หมายความว่า สถานที่พักที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทาง1.1 เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม- ด้านที่ตั้ง ทำเลที่ตั้งกิจการมีผลต่อวิธีการเดินทางเข้าถึงแบะถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นที่เอื้อต่อความสำเร็จเชิงธุรกิจ- ด้านขนาด โดยพิจารณาจากจำนวนห้องพักโรงแรม เช่น โรงแรมที่มีห้องพักต่ำกว่า 100 ห้อง ถือเป็นโรงแรมขนาดเล็ก โรงแรมขนาด 400 ห้อง จัดเป็นดรงแรมขนาดใหญ่- ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก พิจารณาจากกลุ่มผู้พักส่วนใหญ่ของโรงแรมว่ามีจุดประสงค์ใดในการเดินทางหรือในระหว่างการพักอยู่โรงแรม- ด้านราคา พิจารณาจากอัตราราคาห้องพักโดยเปรียบเทียบระดับราคาเฉลี่ยของกิจการภายในเขตพื้นที่/ประเทศ- ด้านระดับการบริการ พิจารณาจากความครบครันในการบริการ ลักษณะบริการเสนอเเบบจำกัด ความหรุหราในการบริการตกแต่ง บริการแบบประหยัด- ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์ เครื่องหมายสัญลักษณ์ที่กลายเป็นที่รู้จักดีในสากล คือ ดาว 1 - 5 ดวง- ด้านความเป็นเจ้าของและรูปแบบการบริหาร แบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ คือโรงแรมอิสระ เป็นโรงแรมที่เจ้าของกิจการดำเนินการเอง ตามนโยบายและวิธีการที่กำหนดขึ้นเองอย่างอิสระโรงแรมจัดการแบบกลุ่ม/เครือ หรือ เชน หมายถึง โรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการแบบกลุ่ม มักมีการใช้ชื่อประกอบการที่แสดงความเป็นสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน2. ที่พักนักท่องเที่ยว- บ้านพักเยวชน หรือ โฮสเทล เป็นที่พักราคาประหยัดพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเดินทางท่องเที่ยวในดินแดนต่างๆ เพื่อสร้างมิตรภาพและสันติภาพในสังคมโลกและสร้างประสบการณ์เรียนรู้จากการเดินทาง- ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด ส่วนใหญ่เป็นบ้านแบ่งให้เช่าพักในต่างประเทศโดยเจ้าของบ้านแบ่งห้องพักที่ว่างให้แขกนอนและจัดอาหารเช้าไว้บริการในบรรยากาศค่อนข้างเป็นกันเองแบบครอบครัว- บ้านพักริมทางหลวง เป็นที่พักขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้หรือริมทางหลวงสายหลักระหว่างเมืองให้บริการห้องพักและที่จอดรถหน้าห้องพักในราคาแบบประหยัด มีสิ่งอำนวยตวามสะดวกจำกัดและอาจไม่มีบริการอาหาร- ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก เป็นทีพักบริการคล้ายโรงแรม ใช้วิธีจัดการเพื่อจัดสรรให้มีการหมุนเวียนเข้าพักในกลุ่มที่พักตากอากาศ- เกสต์เฮ้าส์ เป็นที่พักขนาดเล็กราคาประหยัดส่วนใหญ่ดัดแปลงมาจากจากบ้านพักเดิมที่เจ้าของแบ่งให้นักท่องเที่ยวเช่าพัก- อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว หรือ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เป็นที่พักให้ยริการห้องชุดสำหรับผู้พักระยะยาวเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปีเน้นบริการห้องพักในรูปแบบคล้ายคลึงกับบริการโรงแรม มีห้องครัวปรุงอาหารได้ และจำกัดบริเวณสิ่งอำนวยความสะดวก- ที่พักกลางเเจ้ง เป็นที่พักแบบประหยัดที่สุดในประเทศตะวันตก โดยจัดพื้นที่ลานกลางเเจ้งสำหรับให้นักท่องเที่ยวทีนิยมใกล้ชิดธรรมชาติได้ตั้งค่ายพักหรือเต็นท์- โฮมสเตย์ หรือ ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท เป็นรูปแบบบริการที่พักพร้อมกิจกรรมการท่องเที่ยว ที่พักมีลักษณะเป็นบ้านพักที่นักท่องเที่ยวพักร่วมกับเจ้าของบ้านแผนกงานในโรงแรม- แผนกงานส่วนหน้า เป็นศูนย์กลางการติดต่อระหว่างโรงแรมและแขกผู้พัก รับผิดขอบการรับจองห้องพัก การต้อนรับ ลงทะเบียน บริการข้อมูล ขนย้ายสัมภาระ และ รับชำระค่าใช้จ่าย- แผนกงานแม่บ้าน รับผิดชอบการจัดเตรียมห้องพักแขก การทำความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ การซักรีด การจัดดอกไม้ตกแต่งสถานที่- แผนกอาหารและเครื่องดื่ม รับผิดชอบกระบวนการผลิตประกอบ/ปรุงอาหาร และการบริการอาหาร - เครื่องดื่ม ในพื้นที่ต่างๆรวมถึงการจัดเลี้ยง- แผนกขายและตลาด รับผิดชอบวางแผนตลาด และควบคุมการใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้แก่ธุรกิจ- แผนกบัญชีและการเงิน ดูแลจัดทำบัญชีและควบคุมการเงินของโรงแรม- แผนกทรัพยากรมนุษย์ ในบางกิจการขนาดเล็กจะเป็นแผนกบุคคลประเภทห้องพักSingle ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว ในต่างประเทศจะเป็นห้องพักเตียงเดี่ยวTwin ห้องพักเตียงคู่แฝด ประกอบด้วยเตียงเดี่ยว 2 เตียง ตั้งเป็นคู่วางแยกกันDouble ห้องพักเตียงคู่ที่เป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ สำหรับนอนได้ 2 คน บางครั้งให้บริการแก่ผู้พักคนเดียวเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้นSuit ห้องชุดที่ภายในประกอบด้วยห้องตั้งแต่ 2 ห้องขึ้นไป โดยกั้นเป็นสัดส่วนแบ่งห้องนอนและห้องนั่งเล่น
บทที่ 5 การคมนาคมขนส่ง
ความหมายการคมนาคมขนส่ง หมายถึง "กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายคน สัตว์ สิ่งของ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยสื่อกลางต่างๆ ภายใต้ และ ราคาที่ได้ตกลงกันไว้"ความเป็นมาความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีด้านการขนส่งถือว่าเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ทำให้เกิดแรงจูงใจที่สำคัญต่อการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่ห่างไกลออกไป เนื่องจากความรวดเร็ว สะดวกสบายที่นักท่องเที่ยวได้รับจากการใช้บริการยานพาหนะต่างๆที่ได้มีการพัฒนาจนเจริญทันสมัยขึ้นตามลำดับพัฒนาการขนส่งทางบกประวัติการขนส่งทางบห เริ่มขึ้นในสมัย 200 ปี ก่อนคริสตกาล หรือ ยุคบาบิลอน ซึ่งใช้คนลากรถสองล้อไปแบนถนน ก่อนที่จะนำสัตว์ มาช่วยลากรถสองล้อในยุคอียิปต์และกรีก จนกระทั่งในยุคโรมันจึงได้มีการพัฒนาการขนส่งจากรถลากสองล้อมาเป็นรถสี่ล้อที่ใช้ม้าลากพัฒนาการขนส่งทางน้ำจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้ทราบว่า การขนส่งทางน้ำเป็นการขนส่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีการพัฒนาแพขึ้นมาจากท่อนไม้ และ ต่อมานำต้นไม้ทั้งต้นมาขุด เจาะเป็นลำเรือการขนส่งผู้โดยสารทางเรือเริ่มขึ้นเป็นครั้งเเรกเมื่อปี ค.ศ. 1772 ในประเทศอังกฤษระหว่างเมือง Manchester กับ Longdon Bridgeพัฒนาการขนส่งทางอากาศหลังจากปี ค.ศ. 1903 ซึ่งเป็นปีที่สองพี่น้องตระกูล Wright ได้คิดค้นและประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นครั้งเเรกเมื่อประสบความสำเร็จจึงทำให้หลายๆประเทศในยุโรปเห็นความสำคัญของการบินขึ้นประเภทของธุรกิจการคมนาคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว1. ธุรกิจการขนส่งทางบก การคมนาคมขนส่งทางบกจัดว่าเป็นรูปแบบการเดินทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟ ในประเทศไทยนั้นการเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากมีการเปรียบเทียบกับทางรถยนต์แล้วมีีราคาค่อนข้างแพง ใช้เวลานาน ไม่ค่อยสะดวกการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ส่วนบุคคล การเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ได้รับความนิยมมากจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถเช่า การเดินทางท่องเที่ยวทางถนนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับรถยนต์ส่วนบุคคลแล้วยังครอบคลุมถึงการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถเช่า และรถตู้เพื่อนันทนาการธุรกิจการเช่ารถ เกิดขึ้นเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางโดยรถยนต์ และ นักธุรกิจที่เดินทางไปเจรจาธุรกิจรถโดยสารเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว รถโดยสารมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งเเต่สมัยรถม้าโดยสาร และปรับปรุงจนเป็นรถโดยสารที่ใช้เครื่องยนต์หลังจากได้มีการประดิษฐ์เครื่องยนต์ขึ้นใช้2. ธุรกิจการขนส่งทางน้ำ เรือถูกใช้เป็นพาหนะการเดินทางสำรวจดินแดนเพื่อการค้าขายมานานกว่าพันปี นอกจากนี้เรือยังถูกใช้เป็นพาหนะคมนาคมขนส่งระหว่างเมืองท่าต่างๆ3. ธุรกิจการขนส่งทางอากาศ การเติบโตของธุรกิจการบินพาณิชย์เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1950 ธุรกิจการบินขนาดใหญ่ได้ขยายตลาดการเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศกว้างขึ้น ทำให้ยุคของการเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศขนาดใหญ่ได้เริ่มขึ้น
บทที่ 4 องค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่มีส่วนช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้คนเดินทางเข้ามาในประเทศประเภทของแหล่งท่องเที่ยวอาจจัดแบ่งแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วยลักษณะเฉพาะต่างๆ ได้แก่1. ขอบเขตอาจแบ่งแหล่งท่องเที่ยวเป็น 2 ประเภทตามขอบเขตได้แก่ จุดมุ่งหมายหลัก คือ สถานที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมุ่งตรงไปยังสถานที่นั้น2. ความเป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวทั้งทีเป็นสถานที่ทางธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น อาจจัดแบ่งได้ตามความเป็นเจ้าของ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าแหล่งเงินสนับสนุนมาจากที่ไหน3. ความคงทนถาวรคือ การแบ่งตามอายุของแหล่งท่องเที่ยว ประเภทที่เป็น สถานที่ อาจมีความคงทนถาวรกว่าประเภทที่เป็นงานเทศกาลหรือกิจกรรมต่างๆ4. ศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งจะสนองความต้องการ หรือ จุดประสงค์ของนักท่องเที่ยวต่างกันไปแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงได้รับความนิยมอาจจะมีลักษณะที่เป็น แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชุมชน5. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติหมายถึง สถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามะรรมชาติทั้งทางด้านชีวภาพ และ กายภาพ รวมทั้งบริเวณที่มนุษย์เข้าไปปรับปรุงแต่งเพิ่มเติมจากสภาพธรรมชาติบางส่วน6. แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นคือ สถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและอายุ รวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าทางการท่องเที่ยว ได้แก่ ศาสนสถาน โบราณสถาน โบราณวัตถุ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ7. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมของผู้คนในท้องถิ่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พัฒนามาจากวัฒนธรรม ประเพณี การดำรงชีวิตของผู้คนแต่โดยความหมาย "วัฒนธรรม" หมายถึง "แบบอย่างหรือวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนแต่ละกลุ่ม เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการอยู่ร่วม กันอย่างปกติสุขในสังคม" วัฒนธรรมแต่ละสังคมจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ และทรัพยากร ต่างๆ ลักษณะอีกประการหนึ่งของวัฒนธรรม คือ เป็นการสั่งสมความคิด ความเชื่อ วิธีการ จากสังคมรุ่นก่อนๆ8. แหล่งท่องเที่ยวในเเต่ละภูมิภาคของประเทศไทยภาคกลาง ประกอบด้วย 21 จังหวัด และ 1 เขตการปกครองพิเศษ กรุงเทพมหานคร ไม่นับว่าเป็นจังหวัด เนื่องจากเป็นเขตการปกครองพิเศษ เนื่องจากภาคกลางเป็นที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ เป็นศูนย์รวมของแม่น้ำสายสำคัญหลายสาย พื้นที่แถบนี้จึงอุดมสมบูรณ์ภาคเหนือ ประกอบด้วย 17 จังหวัดภาคเหนือเป็นทิวเขาทอดยาวจากเหนือลงมาใต้ และ ยังเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ของประเทศไทยทำให้พบโบราณสถานต่างๆเป็นจำนวนมากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 19 จังหวัด ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราช ภูมิประเทศ ทั้งภาคยกตัวสูงเป็นขอบแยกตัวออกจากภาคกลางอย่างชัดเจน ประกอบด้วยเทือกเขาสูงทางทิศตะวันตกและทิศใต้ภาคตะวันออก ประกอบด้วย 4 จังหวัด ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับภูเขาลูกเตี้ยๆ บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกมีเทือกเขา จันทบุรีทอดตัวไปทางตะวันตกจนจดกับเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งทอดยาวจากเหนือถึงใต้ เป็นเส้นแบ่งอาณาเขตระหว่างไทยกับกัมพูชาประชาธิปไตยภาคใต้ ประกอบด้วย 14 จังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินเดีย ขนาบด้วยท้องทะเลอ่าวไทยทางฝั่งตะวันออก และ ทะเลอันดามันทางฝั่นตะวันตก
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
แนวโน้มของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
แนวโน้มของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1. แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแวดล้อม
2. แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
3. แรงจูงใจที่จะที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
4. แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบรัว
5. แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
6. แรงจูงใจที่จะที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
7. แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
8. แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันความปลอดภัย
9. แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
10. แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง
โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
“โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” หมายถึง องศ์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบถือเป็นส่วนการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และ ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่
1. ระบบไฟฟ้า
2. ระบบประปา
3. ระบบสือสารโทรคมนาคม
4. ระบบการขนส่ง(ประกอบไปด้วย)
(4.1) ระบบการเดินทางอากาศ
(4.2) ระบบการเดินทางทางบก
(4.3) ระบบการเดินทางทางน้ำ
5. ระบบสาธารณสุข
ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
สภาพแวดล้อม ลักษณะ ทางวัฒนธรรม ที่มนุษย์มักต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปยังบริเวณต่าง ๆ ที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างไปจากที่ตนเองอาศัยอยู่ ส่งผลให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังบริเวณ ๆ บนผิวโลก
1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นปัจจัยที่สำคัญในการสร้างสรรค์ภูมิทัศน์ที่เป็นสิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่สงมาก
1.1 ลักษณะภูมิประเทศ
การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกมีได้ 2 ลักษณะ คือ
1) การเปลี่ยนแปลงจากภายในเปลือกโลก เช่น ภูเขาหรือภูเขาไฟ ซึ่งเกิดจากการตันตัวของความร้อนใต้ผิวโลก
2) การเปลี่ยนแปลงทางบริเวณผิวโลก เช่น เนินทราย (Sand Dune) ในทะเลทรายซึ่งเกิดจากลมที่พัดนำทรายมากองรวมกันเป็นเนิน
1.2 ลักษณะภูมิอากาศ
เช่นเดียวกับลักษณะภูมิประเทศ กล่าวคือ พื้นที่ที่ตั้งอยู่แตกต่างกันเมื่อพิจารณาตามส้นแลตติจูด (latitude) เช่นซีกโลกเหนือกับลบริเรณเส้นแบ่งกลางโลกหรือเส้นศูนย์สูตรจะมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกัน เช่นในช่วงเดือนธันวาคม ซีกโลกเหนือเช่นประเทศฟินแนด์เป็นฤดูหนาวที่หวานจัด
2. ปัจจัยทางวัฒนธรรม
วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคม นับตั้งแต่วิธีกิน วิธีอยู่ วิธี แต่งกาย วิธีทำงาน วิธีพักผ่อน วิธีแสดงอารมณ์ วิธีสื่อความ วิธีจรจรและขนส่ง วิธีอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ และความสุขทางใจ โดยแนวทางการแสดงออกถึงวิถีชีวิตนั้นอาจเริ่มมาจาก เอกชนหรือบุคคลทำเป็นตัวแบบ แล้วคนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติต่อกันมา วัฒนธรรมย่อมเปลี่ยนแปลง ไปตามเงื่อนไขและกาลเวลาเมื่อค้นพบสิ่งใหม่ วิธีใหม่ที่ใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคมได้ดีกว่า
การอนุรักษ์วัฒนธรรมดังเดิมของแต่ละชาติเปลี่ยนแปลงได้ และแต่ละชาติมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การที่วัฒนธรรมแตกต่างกันย่อมเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้กับคนต่างวัฒนธรรมเขามาเที่ยวชมความแตกต่างดังกล่าว
1. แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแวดล้อม
2. แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
3. แรงจูงใจที่จะที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
4. แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบรัว
5. แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
6. แรงจูงใจที่จะที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
7. แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
8. แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันความปลอดภัย
9. แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
10. แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง
โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
“โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” หมายถึง องศ์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบถือเป็นส่วนการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และ ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่
1. ระบบไฟฟ้า
2. ระบบประปา
3. ระบบสือสารโทรคมนาคม
4. ระบบการขนส่ง(ประกอบไปด้วย)
(4.1) ระบบการเดินทางอากาศ
(4.2) ระบบการเดินทางทางบก
(4.3) ระบบการเดินทางทางน้ำ
5. ระบบสาธารณสุข
ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
สภาพแวดล้อม ลักษณะ ทางวัฒนธรรม ที่มนุษย์มักต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปยังบริเวณต่าง ๆ ที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างไปจากที่ตนเองอาศัยอยู่ ส่งผลให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังบริเวณ ๆ บนผิวโลก
1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นปัจจัยที่สำคัญในการสร้างสรรค์ภูมิทัศน์ที่เป็นสิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่สงมาก
1.1 ลักษณะภูมิประเทศ
การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกมีได้ 2 ลักษณะ คือ
1) การเปลี่ยนแปลงจากภายในเปลือกโลก เช่น ภูเขาหรือภูเขาไฟ ซึ่งเกิดจากการตันตัวของความร้อนใต้ผิวโลก
2) การเปลี่ยนแปลงทางบริเวณผิวโลก เช่น เนินทราย (Sand Dune) ในทะเลทรายซึ่งเกิดจากลมที่พัดนำทรายมากองรวมกันเป็นเนิน
1.2 ลักษณะภูมิอากาศ
เช่นเดียวกับลักษณะภูมิประเทศ กล่าวคือ พื้นที่ที่ตั้งอยู่แตกต่างกันเมื่อพิจารณาตามส้นแลตติจูด (latitude) เช่นซีกโลกเหนือกับลบริเรณเส้นแบ่งกลางโลกหรือเส้นศูนย์สูตรจะมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกัน เช่นในช่วงเดือนธันวาคม ซีกโลกเหนือเช่นประเทศฟินแนด์เป็นฤดูหนาวที่หวานจัด
2. ปัจจัยทางวัฒนธรรม
วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคม นับตั้งแต่วิธีกิน วิธีอยู่ วิธี แต่งกาย วิธีทำงาน วิธีพักผ่อน วิธีแสดงอารมณ์ วิธีสื่อความ วิธีจรจรและขนส่ง วิธีอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ และความสุขทางใจ โดยแนวทางการแสดงออกถึงวิถีชีวิตนั้นอาจเริ่มมาจาก เอกชนหรือบุคคลทำเป็นตัวแบบ แล้วคนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติต่อกันมา วัฒนธรรมย่อมเปลี่ยนแปลง ไปตามเงื่อนไขและกาลเวลาเมื่อค้นพบสิ่งใหม่ วิธีใหม่ที่ใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคมได้ดีกว่า
การอนุรักษ์วัฒนธรรมดังเดิมของแต่ละชาติเปลี่ยนแปลงได้ และแต่ละชาติมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การที่วัฒนธรรมแตกต่างกันย่อมเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้กับคนต่างวัฒนธรรมเขามาเที่ยวชมความแตกต่างดังกล่าว
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สรุปบทเรียน
บทที่ 1
ความหมาย ความสำคัญของท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว คือ ผู้มาเยือนชั่วคราว และพักอาศัย ณ สถานที่ที่ไปเยี่ยมอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
กลุ่มนักท่องเที่ยว ได้แก่
- ผู้ที่ถิ่นพำนักอยู่ในสถานที่ที่ไปเยือน
- ผู้ที่มีสัญชาติของประเทศนั้น
- ผู้ที่เป็นลูกเรือ ซึ่งไม่มีถิ่นพำนักในสถานที่ที่ไปเยือนมากกว่า 24 ชั่วโมง
สามารถแบ่งผู้มาเยือนตามถิ่นพำนักได้อีกเช่นกัน ได้แก่
1.ผู้มาเยื่อนขาเข้า
2.ผู่มาเยือนขาออก
3.ผู้มาเยือนภายในประเทศ
วัตถุประสงค์ของการเดินทางท่องเที่ยวแบ่งออกได้ 3 ประการใหญ่ๆ ได้แก่
1.เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน
2.เพื่อธุรกิจ
3.เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ
การเดินทางเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน
เป็นการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์ต้องการความเพลิดเพลิน สนุกสนาน รื่นเริง ทั้งนี้รวมถึงการเยี่ยมเยือนเพื่อนหรือญาติมิตร
การเดินทางเพื่อธุรกิจ
เป็นการเดินทางที่ควบคู่ไปกับการทำงานแต่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบอาชีพ นอกจากนี้ยังมีความหมายรวมถึงการเดินทางเพื่อเข้าประชุม สัมมานาท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลและจัดนิทรรศการ หรือเรียกว่า MICE
ประเภทการท่องเที่ยว แบ่งตามสากลได้แก่
1.การท่องเที่ยวภายในประเทศ
2.การท่องเที่ยวเข้าในประเทศ
3.การท่องเที่ยวนอกประเทศ
การแบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง แบ่งออกเป็น
1.การท่องเที่ยวแบบหมู่คณธหรือที่เรียกว่า Group Inclusive Tour การท่องเที่ยวแบบนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ กรุปเหมา และกรุปจัด กรุปเหมา
2.การท่องเที่ยวแบบอิสระ เรียกว่า Foreign IndiviDual Tour
การแบ่งตามวัตถุประสงค์การเดินทาง
1.การท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินและพักผ่อน
2.การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ
3.การท่องเที่ยวเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ
-การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
-การท่องเที่ยวสุขภาพและกีฬา
-การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
-การท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสชาติพันธุ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่น
-การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา
บทที่ 2
ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้น
ถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
วัฒนธรรมของจักรวรรดิโรมันทำให้เกิดวัฒนธรรมการท่องเที่ยวแบบมหาชนในคริสต์ศตวรรษที่ 2 โรมถึงจุดสูงสุดของความรุ่งเรืองจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวโรมันในยุดนั้น คือ กรีก ชาวโรมันนิยมเส้นทางไปชมความสำเร็จทางศิลปะวิทยาการของชาวกรีก
มัคคุเทศก์และคู่มือเที่ยวในยุคต้นๆ
ความถูกต้องของข้อมูลและมัคคุเทศก์ในสมัยก่อนครสตกาลอาจแบ่งออกได้เป็น 2 พวกด้วยกัน พวกแรกคือ พวกที่เรียกว่า Periegetai มีหน้าที่คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่มส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า Exegetai เป็นพวกที่ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินค่าตอบแทน
การท่องเที่ยวในยุคกลาง
ยุคกลางคือช่วงที่อยู่ระหว่าง คศ.500-1500 ช่วงเวลาดังกล่าวถนนหนทางถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเศรษฐตกต่ำแต่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกยังคงเป็นศูนย์รวมของสังคมและอำนาจการเดินทางมีความลำบากมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น วันหยุดเริ่มเข้ามีบทบาทในชีวิตของผู้คน คำว่า Holiday มีที่มาจากคำว่า Holy Days ศาสนาโรมันคาทอลิคเป็นผู้กำหนดช่วงเวลาการหยุดเพื่อการพักผ่อนให้กับผู้ที่ศรัทธา
คนชั้นสูงและคนชั้นกลางนิยมเดินทางเพื่อการแสวงบุญ เป็นการเดินทางที่ไกลขึ้นสำหรับผู้ที่เคร่งศาสนาที่ที่ผู้เสื่อมใสนิยมเดินทางไปได้แก่เมือง Winchester เมือง Walsingha และเมือง Canterbury จนกวีชื่อ Chaucer นำมาแต่งเป็นนิทานชื่อ Canterbury's Tales
นอกจากนักแสวงบุญแล้วในยุคกลางยังมีนักเดินทางประเภทนักผจญภัยซึ่งเดินทางเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภ พวกพ่อค้าเดินทางเพื่อค้าขาย พวกละครเร่ นักร้องนักดนตรี ยังชีพอยู่ได้ด้วยการให้ความบันเทิงเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ศิลปินที่เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นคือ Blondel ชาวเมือง Picardy
บทที่ 3
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางนักท่องเที่ยว
แรงจูงใจ
เป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพของบุคคลแรงจูงใจทางด้านการท่องเที่ยว หรือแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเป็นแนวคิดที่เป็นแบบลูกผสมระหว่างแนวคิดทางจิตวิทยาผสมกับแนวคิดทางด้านสังคมวิทยา แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวจึงหมายถึงเครื่อข่าย ทั้งหมดขอพลังทามวัฒนธรรมและพลังทางชีววิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนอพฤติกรรมทางการท่องเที่ยว แรงจูงใจทีจะมาสัมผัสพื้นทรายล้วนเป็นพลังทางจิตวิทยา การเลือกที่จะมาพักผ่อนยังเกาะสมุยแทนที่จะไปอาบแดดและพักผ่อนที่ริเวียร่าของฝรั่งเศสอยู่ใกล้กว่าเพราะเป็นพลังทางด้านสังคมวิทยา
พลังทางด้านจิตวิทยา คือ ความต้องการการพักผ่อนจากความเหน็ดหน่อยจากการทำงาน
ทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1.ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น เป็นทฤษฎีของ Maslow ได้แก่ ความต้องการทางด้านสรีรวิทยา ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ความต้องการทางด้ารสังคม ความต้องการมีชื่อเสียง ความต้องการการสำเร็จ
2.ทฤษฎีแบบขั้นบันไดแห่งการเดินทาง เป็นทฤษฎีของ Philip Pearce โดยประยุกต์จากทฤษฎีของ Maslow ความต้องการในชั้นสูงสุดคือ ความต้องการความสำเร็จแห่งตนหรือความต้องการที่ได้รับความพึงพอใจสูงสุด
3.แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น เป็นทฤษฎ๊ของ Crompton มี 7 ประเภทดังต่อไปนี้
-การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่จำเจ
-การสำรวจและการประเมินตน
-การพักผ่อน
-ความต้องการเกียรติภูมิ
-ความต้องการที่จะถ้อบกลับไปสู่สภาพดังเดิม
-กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
-การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม
4.แรงจูงใจทางการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swarbrooke
-แรงจูงใจทางด้านสรีระหรือทางกายภาพ
-แรงจูงใจทางด้ายวัฒนธรรม
-การท่องเที่ยวเพื่อตอยสนองอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
-การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาเพื่อสถานภาพ
-แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
-แรงจูงใจส่วนบุคคล
ความหมาย ความสำคัญของท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว คือ ผู้มาเยือนชั่วคราว และพักอาศัย ณ สถานที่ที่ไปเยี่ยมอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
กลุ่มนักท่องเที่ยว ได้แก่
- ผู้ที่ถิ่นพำนักอยู่ในสถานที่ที่ไปเยือน
- ผู้ที่มีสัญชาติของประเทศนั้น
- ผู้ที่เป็นลูกเรือ ซึ่งไม่มีถิ่นพำนักในสถานที่ที่ไปเยือนมากกว่า 24 ชั่วโมง
สามารถแบ่งผู้มาเยือนตามถิ่นพำนักได้อีกเช่นกัน ได้แก่
1.ผู้มาเยื่อนขาเข้า
2.ผู่มาเยือนขาออก
3.ผู้มาเยือนภายในประเทศ
วัตถุประสงค์ของการเดินทางท่องเที่ยวแบ่งออกได้ 3 ประการใหญ่ๆ ได้แก่
1.เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน
2.เพื่อธุรกิจ
3.เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ
การเดินทางเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน
เป็นการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์ต้องการความเพลิดเพลิน สนุกสนาน รื่นเริง ทั้งนี้รวมถึงการเยี่ยมเยือนเพื่อนหรือญาติมิตร
การเดินทางเพื่อธุรกิจ
เป็นการเดินทางที่ควบคู่ไปกับการทำงานแต่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบอาชีพ นอกจากนี้ยังมีความหมายรวมถึงการเดินทางเพื่อเข้าประชุม สัมมานาท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลและจัดนิทรรศการ หรือเรียกว่า MICE
ประเภทการท่องเที่ยว แบ่งตามสากลได้แก่
1.การท่องเที่ยวภายในประเทศ
2.การท่องเที่ยวเข้าในประเทศ
3.การท่องเที่ยวนอกประเทศ
การแบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง แบ่งออกเป็น
1.การท่องเที่ยวแบบหมู่คณธหรือที่เรียกว่า Group Inclusive Tour การท่องเที่ยวแบบนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ กรุปเหมา และกรุปจัด กรุปเหมา
2.การท่องเที่ยวแบบอิสระ เรียกว่า Foreign IndiviDual Tour
การแบ่งตามวัตถุประสงค์การเดินทาง
1.การท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินและพักผ่อน
2.การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ
3.การท่องเที่ยวเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ
-การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
-การท่องเที่ยวสุขภาพและกีฬา
-การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
-การท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสชาติพันธุ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่น
-การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา
บทที่ 2
ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้น
ถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
วัฒนธรรมของจักรวรรดิโรมันทำให้เกิดวัฒนธรรมการท่องเที่ยวแบบมหาชนในคริสต์ศตวรรษที่ 2 โรมถึงจุดสูงสุดของความรุ่งเรืองจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวโรมันในยุดนั้น คือ กรีก ชาวโรมันนิยมเส้นทางไปชมความสำเร็จทางศิลปะวิทยาการของชาวกรีก
มัคคุเทศก์และคู่มือเที่ยวในยุคต้นๆ
ความถูกต้องของข้อมูลและมัคคุเทศก์ในสมัยก่อนครสตกาลอาจแบ่งออกได้เป็น 2 พวกด้วยกัน พวกแรกคือ พวกที่เรียกว่า Periegetai มีหน้าที่คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่มส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า Exegetai เป็นพวกที่ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินค่าตอบแทน
การท่องเที่ยวในยุคกลาง
ยุคกลางคือช่วงที่อยู่ระหว่าง คศ.500-1500 ช่วงเวลาดังกล่าวถนนหนทางถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเศรษฐตกต่ำแต่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกยังคงเป็นศูนย์รวมของสังคมและอำนาจการเดินทางมีความลำบากมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น วันหยุดเริ่มเข้ามีบทบาทในชีวิตของผู้คน คำว่า Holiday มีที่มาจากคำว่า Holy Days ศาสนาโรมันคาทอลิคเป็นผู้กำหนดช่วงเวลาการหยุดเพื่อการพักผ่อนให้กับผู้ที่ศรัทธา
คนชั้นสูงและคนชั้นกลางนิยมเดินทางเพื่อการแสวงบุญ เป็นการเดินทางที่ไกลขึ้นสำหรับผู้ที่เคร่งศาสนาที่ที่ผู้เสื่อมใสนิยมเดินทางไปได้แก่เมือง Winchester เมือง Walsingha และเมือง Canterbury จนกวีชื่อ Chaucer นำมาแต่งเป็นนิทานชื่อ Canterbury's Tales
นอกจากนักแสวงบุญแล้วในยุคกลางยังมีนักเดินทางประเภทนักผจญภัยซึ่งเดินทางเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภ พวกพ่อค้าเดินทางเพื่อค้าขาย พวกละครเร่ นักร้องนักดนตรี ยังชีพอยู่ได้ด้วยการให้ความบันเทิงเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ศิลปินที่เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นคือ Blondel ชาวเมือง Picardy
บทที่ 3
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางนักท่องเที่ยว
แรงจูงใจ
เป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพของบุคคลแรงจูงใจทางด้านการท่องเที่ยว หรือแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเป็นแนวคิดที่เป็นแบบลูกผสมระหว่างแนวคิดทางจิตวิทยาผสมกับแนวคิดทางด้านสังคมวิทยา แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวจึงหมายถึงเครื่อข่าย ทั้งหมดขอพลังทามวัฒนธรรมและพลังทางชีววิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนอพฤติกรรมทางการท่องเที่ยว แรงจูงใจทีจะมาสัมผัสพื้นทรายล้วนเป็นพลังทางจิตวิทยา การเลือกที่จะมาพักผ่อนยังเกาะสมุยแทนที่จะไปอาบแดดและพักผ่อนที่ริเวียร่าของฝรั่งเศสอยู่ใกล้กว่าเพราะเป็นพลังทางด้านสังคมวิทยา
พลังทางด้านจิตวิทยา คือ ความต้องการการพักผ่อนจากความเหน็ดหน่อยจากการทำงาน
ทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1.ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น เป็นทฤษฎีของ Maslow ได้แก่ ความต้องการทางด้านสรีรวิทยา ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ความต้องการทางด้ารสังคม ความต้องการมีชื่อเสียง ความต้องการการสำเร็จ
2.ทฤษฎีแบบขั้นบันไดแห่งการเดินทาง เป็นทฤษฎีของ Philip Pearce โดยประยุกต์จากทฤษฎีของ Maslow ความต้องการในชั้นสูงสุดคือ ความต้องการความสำเร็จแห่งตนหรือความต้องการที่ได้รับความพึงพอใจสูงสุด
3.แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น เป็นทฤษฎ๊ของ Crompton มี 7 ประเภทดังต่อไปนี้
-การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่จำเจ
-การสำรวจและการประเมินตน
-การพักผ่อน
-ความต้องการเกียรติภูมิ
-ความต้องการที่จะถ้อบกลับไปสู่สภาพดังเดิม
-กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
-การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม
4.แรงจูงใจทางการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swarbrooke
-แรงจูงใจทางด้านสรีระหรือทางกายภาพ
-แรงจูงใจทางด้ายวัฒนธรรม
-การท่องเที่ยวเพื่อตอยสนองอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
-การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาเพื่อสถานภาพ
-แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
-แรงจูงใจส่วนบุคคล
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)