วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หลักฐานของปิ่นโต

ประวัติของปิ่นโต

บันทึกความทรงจำของแฟร์เนา เมนเดซ ปินโต( Fernão Mendez Pinto ค.ศ.1509-1583) เรื่อง “Pérégrinação”ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปีค.ศ.1614 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ รวมทั้งอัตชีวประวัติของเขาอย่างน่าตื่นเต้นและเหลือเชื่อ จนมีการใช้ชื่อของปินโตเล่นคำเชิงล้อเลียนว่าพูดจริงหรือเท็จอย่างสนุกสนานโดยชนชาติศัตรูของโปรตุเกสในยุโรปหรือแม้แต่ชาวโปรตุเกสบางคน บันทึกของปินโตถูกอ้างอิงจากนักประวัติศาสตร์ไทยอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาจนปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงบทบาทของทหารรักษาพระองค์ชาวโปรตุเกส และการพระราชทานที่ดินให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานและปฏิบัติศาสนพิธีในสมัยอยุธยา จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบว่าหนังสือฉบับนี้มีสถานะเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์นิพนธ์หรือเป็นเพียงนิยายผจญภัย
ปินโตเป็นชาวเมืองมองเตอมูร์ในราชอาณาจักรโปรตุเกส เกิดในครอบครัวยากจน การผจญภัยของปินโตเริ่มขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงเมืองดิว ในประเทษอินเดีย ค.ศ.1538 ขณะมีอายุได้ 28 ปี แล้วเดินทางกลับมาตุภูมิเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ.1558 รวมระยะเวลา 21 ปี ที่ปินโตได้ไปแสวงโชคในเอเชีย ปินโตเผชิญปัญหาเรืออับปาง 5 ครั้ง ถูกขาย 16 ครั้งและถูกจับเป็นทาส 13 ครั้ง ชีวิตของปินโตในขณะอยู่ในเอเชีย เขาเคยเป็นทั้งกลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า ทูตและนักสอนภาษา เมื่อเดินทางกลับถึงโปตุเกส เขาพยามติดต่อขอรับพระราชทานบำเหน็จรางวัล จากการที่เขาได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติและศาสนา แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ ปินโตจึงไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองปรากัลป์ทางตอนใต้ของโปรตุเกส และได้เขียนหนังสือชื่อว่า Pérégrinaçãoขึ้น
ปินโตเคยเดินทางเข้าสยาม 2 ครั้ง ครั้งแรกเข้ามาในปัตตานีและนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2 เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราช หลังจากปินโตถึงแก่กรรม บุตรีของเขาได้มอบต้นฉบับหนังสือเรื่อง Pérégrinação ให้แก่นักบวชสำนักหนึ่งแห่งกรุงลิสบอน จนกษัตริย์ฟิลิปที่ 1 ทรงได้ทอดพระเนตร บุตรีของปินโตจึงได้รับพระราชทานบำเหน็จรางวัลแทนบิดา งานเขียนของปินโตตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1614 และแปลเป็นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ใน ค.ศ.1983 กรมศิลปากรได้เผยแพร่บันทึกของปินโตบางส่วนในชื่อ "การท่องเที่ยวผจญภัยของแฟร์นัง มังเดซ ปินโต ค.ศ.1537-1558" แปลโดยสันต์ ท.โกมลบุตร ต่อมากรมศิลปากรร่วมกับกรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตีพิมพ์ผลงานบางส่วนของเขาออกเผยแพร่อีกครั้งใน ค.ศ.1988 โดยแปลจากหนังสือชื่อ "Thailand and Portugal:470 Years of Friendship".งานเขียนของปินโตถูกนำเสนอในรูปแบบของร้อยแก้ว บางตอนก็ระบุว่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาจากคำบอกเล่าและการสอบถามผู้รู้ บางตอนก็ประสบด้วยตนเอง ปินโตระบุว่า การเล่าเรื่องการเดินทางของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีการเรียนรู้สภาพภูมิศาสตร์ของโลก ไม่ใช่ประสงค์จะก่อให้เกิดความท้อถอยในการติดต่อกับดินแดนแถบเอเชีย ส่วนเฮนรี โคแกน ระบุว่าจุดมุ่งหมายในการแปลหนังสือ "Pérégrinação"จากภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาอังกฤษ คือ ต้องการให้ผู้อ่านทั่วไปเกิดความพึงพอใจ จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของปินโตและโคแกนสะท้อนให้เห็นคุณค่าของเหตุการณสถานที่ ทรัพยากร อารมณ์ ความรู้สึกและวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนที่ปรากฎในหนังสือ "Pérégrinação" อย่างไม่อาจมองข้ามได้ งานของปินโตจึงได้รับการอ้างอิงอย่างกว้างขวาง บันทึกของปินโตนับเป็นเอกสารสำคัญที่กล่าวถึงเรื่องราวส่วนหนึ่งเกี่ยวกับทรัพยากร การทหาร วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ กฎหมายและเรื่องราวในราชสำนักสยามกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และมักจะถูกอ้างอิงเสมอเมื่อกล่าวถึงบทบาททางการทหารของชุมชนโปรตุเกสเมื่อเกิดศึกระหว่างสยามกับเชียงใหม่ การเข้าร่วมรบในกองทัพสยามครั้งนั้นเป็นการถูกเกณฑ์ ชาวโปรตุเกสถึง 120 คน จากจำนวน 130 คน อาสาเข้าร่วมรบในกองทัพสยาม เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่าเป็นศึกเมืองเชียงกรานซึ่งเกิดขึ้นในค.ศ.1538 เรื่องราวในหนังสือ Pérégrinação สอดคล้องกับงานเขียนของนักประวัติศาสตร์ชาวโปรตุเกสหลายคน ซึ่งเคยถูกจองจำและรับราชการเป็นนายทหารในกรุงศรีอยุธยาบทบาทของทหารอาสาชาวโปรตุเกสในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชอาจส่งผลให้มีการเริ่มปรับปรุงตำราพิชัยสงครามภายใต้การช่วยเหลือของที่ปรึกษาชาวโปรตุเกสจนเป็นที่มาของการตั้ง "กรมทหารฝารั่งแม่นปืน" หนังสือของปินโตถูกตีพิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวางในยุโรปจึงเป็นเหตุให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ดับเบิลยู.เอ.อาร์.วูด ชี้ว่าควรจะอ่านงานเขียนของปินโตในฐานะที่เป็นเรื่องราวของชายชราที่ได้เดินทางกลับไปสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่งเพื่อความบันเทิงไม่ใช่เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นวันต่อวันและตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแม่นยำของปีศักราชในบันทึกด้วย แต่ ดึ กัมปุช อดีตกงสุลใหญ่โปรตุเกสกลับชี้ว่าหลักฐานของปินโตแสดงให้เห็นว่าเขาเคยเดินทางเข้ามายังสยามจริง นักประวัติศาสตร์ไทยหลายคนเลือกใช้ข้อมูลของปินโตมาอ้างอิงโดยตลอดเช่น พระเจ้าบุเรงนองนำเอาเรื่องการขอช้างเผือกมาเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างสยามกับพม่าใน ค.ศ.1569 เป็นต้น
หนังสือ "Pérégrinação" ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสยามน้อยมาก ซึ่งอาจจะอธิบายได้ว่าศูนย์กลางของโปรตุเกสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ที่มะละกาปินโตจึงให้ความสำคัญมากกว่ากรุงศรีอยุธยา การที่เขามีฐานะเป็นเพียงกลาสีเรือ,นักผจญภัย ไม่ใช่พ่อค้าหรือนายทหารที่ถูกส่งเข้ามาติดต่อกับสยามโดยตรง ทำให้เนื้อหาส่วนใหญ่ในหนังสือของเขาเน้นกล่าวถึงสถานที่ต่างๆตามชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกที่เขาเคยเดินทางไปถึงมากกว่า

1 ความคิดเห็น: